สร้าง EQ ให้เป็นคนน่าทำงานด้วย โดยการพัฒนาทักษะการสื่อสาร
ในโลกการทำงานยุคใหม่ การเป็น “คนเก่ง” อย่างเดียวอาจไม่พออีกต่อไป เพราะสิ่งที่ทำให้คุณโดดเด่นและเป็นที่รักในที่ทำงาน ไม่ได้มีเพียงทักษะทางเทคนิค แต่คือ “ทักษะทางอารมณ์” หรือ EQ (Emotional Quotient) ที่ช่วยให้คุณเข้าใจทั้งตัวเองและผู้อื่นได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เมื่อเข้าใจอารมณ์ เราจะสื่อสารได้ดีขึ้น รับฟังได้อย่างตั้งใจ และตอบสนองด้วยความเข้าใจแทนการโต้ตอบด้วยอารมณ์ นี่คือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ดีในชีวิตการทำงาน
บทความนี้ Thailand Image Academy จะพาคุณทำความเข้าใจว่า การพัฒนาการสื่อสาร สามารถช่วยเสริมสร้าง EQ และทำให้คุณกลายเป็นคนน่าร่วมงานด้วยได้อย่างไร พร้อมแนะนำเทคนิคการฟัง การพูด และการเข้าใจผู้อื่นอย่างมืออาชีพ เพื่อให้คุณสื่อสารได้อย่างมั่นใจและมีพลังบวกในทุกสถานการณ์
การสื่อสารอย่างไรให้คนรัก
ก่อนจะสื่อสารให้ใครเข้าใจ เราต้อง “เข้าใจตัวเองก่อน” ว่าขณะนั้นเรารู้สึกอย่างไร เพราะทุกคำพูดและท่าทีล้วนส่งผลต่อบรรยากาศในการพูดคุย คนที่มี EQ สูงมักจะหยุดหนึ่งจังหวะก่อนตอบ เพื่อจัดการอารมณ์ของตัวเองก่อนจะโต้ตอบกลับ ไม่พูดด้วยความหงุดหงิดหรืออารมณ์ชั่ววูบ เพราะรู้ดีว่าคำพูดบางคำอาจกระทบใจคนฟังได้มากกว่าที่คิด
อีกหนึ่งทักษะสำคัญคือ “การอ่านอารมณ์ของคู่สนทนา” ผ่านสีหน้า น้ำเสียง และภาษากาย เพื่อให้เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายไม่ได้พูดออกมา เพราะบางครั้งสิ่งที่เราควรตอบกลับไม่ใช่คำแนะนำทันที แต่เป็น “ความเข้าใจ”

เทคนิคการสร้าง Empathy เพื่อการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
EQ ที่ดีไม่ใช่แค่รู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเอง แต่ต้องมี “Empathy” หรือความสามารถในการเข้าใจผู้อื่นอย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาการสื่อสารในระดับมืออาชีพ
การฟังเชิง Empathy: ฟังด้วยใจ ไม่ใช่แค่หู
การฟังที่ดีไม่ใช่เพียงการ “ได้ยินคำพูด” แต่คือการตั้งใจฟังด้วยใจ ฟังเพื่อเข้าใจ ไม่ใช่เพื่อรอจะตอบกลับเท่านั้น
ผู้ที่ฟังอย่างเข้าใจจะใช้ทั้งสายตา น้ำเสียง และภาษากายสะท้อนให้ผู้พูดรู้ว่า “คุณอยู่ตรงนี้กับเขา” เช่น การพยักหน้าเบา ๆ การสบตา หรือการใช้คำพูดสั้น ๆ อย่าง “เข้าใจค่ะ” หรือ “ขอบคุณที่เล่าให้ฟัง” สิ่งเหล่านี้เล็กน้อยแต่สร้างความไว้วางใจได้มหาศาล
การเลือกใช้คำพูดที่สร้างพลังบวก
คำพูดสามารถเป็นทั้งสะพานและกำแพงของความสัมพันธ์ การเลือกใช้ภาษาที่อ่อนโยนและให้เกียรติผู้อื่น เช่น
- แทนที่จะพูดว่า “คุณเข้าใจผิดนะ” ลองเปลี่ยนเป็น “เราอาจมองต่างมุมกัน ลองมาคุยกันอีกทีไหมคะ?”
- แทนที่จะพูดว่า “ทำไมคุณถึงทำแบบนั้น” ลองเปลี่ยนเป็น “ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมคะว่าทำไมถึงเลือกวิธีนี้”
จะเห็นได้ว่าเพียงเปลี่ยนวิธีการพูดก็ช่วยให้บทสนทนาราบรื่นขึ้น แตกต่างจากคำพูดทั่วไปอย่างสิ้นเชิง

บทบาทของนักสื่อสารที่มี EQ สูงในองค์กร
เมื่อเราพัฒนาการสื่อสารได้ดีขึ้น เราไม่ได้แค่พูดจาน่าฟังขึ้น แต่จะกลายเป็น “คนที่คนอื่นอยากทำงานด้วย” เพราะสื่อสารได้ตรงใจและเข้าใจคนจริง ๆ
ผู้นำที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ทีม
ผู้นำที่มี EQ สูงจะไม่เพียงสั่งงาน แต่จะ “สื่อสารด้วยความเข้าใจ” เพราะพวกเขาจะมองเห็นความแตกต่างของแต่ละคน และใช้คำพูดที่กระตุ้นศักยภาพแทนการกดดัน เช่น “ฉันเชื่อว่าคุณทำได้ เพราะคุณเคยทำได้ดีมากในโปรเจกต์ก่อนหน้านี้” คำพูดง่าย ๆ แบบนี้เติมพลังให้ทีมรู้สึกมีคุณค่าและอยากพัฒนาไปด้วยกัน
ผู้ที่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้อย่างราบรื่น
ในทุกทีมย่อมมีความเห็นไม่ตรงกัน แต่คนที่มี EQ สูงจะมอง “ปัญหา” แยกออกจาก “คน” พวกเขาเลือกฟังทั้งสองฝ่าย เข้าใจอารมณ์ และหาทางออกร่วมกันอย่างมีเหตุผล ซึ่งทักษะนี้เองคือสิ่งที่ทำให้เขากลายเป็น “ผู้ประสานความเข้าใจ” ที่ทุกองค์กรต้องการ
สรุป
EQ และการสื่อสารเป็นของคู่กัน เพราะเมื่อเราเข้าใจตัวเองและเข้าใจผู้อื่น การทำงานและความสัมพันธ์ทุกอย่างจะราบรื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การสื่อสารจึงไม่ใช่แค่เรื่องของการพูดให้เก่ง แต่คือการเรียนรู้ที่จะสื่อสารอย่างมีหัวใจ
ยิ่งไปกว่านั้น การลงทุนกับการพัฒนาการสื่อสารไม่ได้สร้างคุณค่าเพียงให้กับตัวคุณเอง แต่ยังสร้างคุณค่าให้กับองค์กร เพราะคนที่สื่อสารได้ดี มี EQ สูง และเข้าใจผู้อื่น ย่อมสร้างทีมที่แข็งแรง บรรยากาศการทำงานที่ดี และผลลัพธ์ที่เติบโตอย่างยั่งยืน
อย่ารอให้ปัญหาการสื่อสารมาทำลายโอกาสที่ดีในชีวิต ถึงเวลาลงทุนใน Soft Skill ที่สำคัญที่สุดของคนยุคใหม่ Thailand Image Academy พร้อมช่วยคุณพัฒนา EQ และทักษะการสื่อสารให้กลายเป็นจุดแข็งที่โดดเด่นในทุกสถานการณ์

(3).png)
(3).png)